อนุมูลอิสระ

อนุมูลอิสระ คือ สารพิษ ในร่างกายคนจะต้องมีประจุไฟฟ้าลบอยู่ในปริมาณมาก วิ่งอยู่รอบ ๆ เซลล์ของร่างกาย ถ้ามีเชื้อโรคเข้ามาตัวประจุไฟฟ้าลบ จะวิ่งไปเกาะเชื้อโรค ทำให้เชื้อโรคมันระเบิด ประจุไฟฟ้าลบจึงมีประโยชน์ แต่ถ้าประจุไฟฟ้าลบมีน้อย เวลาเชื้อโรค หรือสารพิษเข้ามากกว่า มันจะดูดประจุไฟฟ้าลบไปหมดจนเรามีไม่พอ หรือไม่เหลือประจุไปฟ้าลบ เชื้อดรคมันจะขยายตัวได้ง่าย


ตัวประจุไฟฟ้าลบหามาได้จากการกินผัก ผลไม้ (การกินเนื้อสัตว์มากเกินไป จะเป็นการดึงประจุไฟฟ้าลบในร่างกายให้เสียไป) ตัวประจุไฟฟ้าลบได้จากอัญมณี แหวนเงิน แหวนทอง หรือที่เรียกว่าโลหะบำบัด


เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ เป็นตัวไปลายประจุไฟฟ้าลบ แต่ผ้าไหมไทย ผ้าฝ้าย เป็นตัวไปเพิ่มประจุไฟฟ้าลบ ตัวประจุไฟฟ้าลบได้จากความยึดมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยึดมั่นทำดี จิตใจสงบ


ตัวประจุไฟฟ้าลบ ได้จากความอบอุ่นในครอบครัว (สัมผัสบำบัด) หรือได้จากการฟังดนตรี (ดนตรีบำบัด) เพลงบางประเภทจะเพิ่มประจุไฟฟ้าลบ หรือการใช้กลิ่นบำบัด กลิ่นน้ำหอมจะช่วยสร้างประจุไฟฟ้าลบได้ เช่นกลิ่นของน้ำปรุงไทยชนิดเก่า (เก้ากลิ่นในขวดเดียว)


ฉะนั้น ถ้าร่างกายมีประจุไฟฟ้าลบในเลือดมากกว่าบวก เลือดจะสะอาด ถ้ามีประจุไฟฟ้าบวกมากกว่าลบ ก็กลายเป็นเลือดสกปรก เลือดเป็นพิษ


10 สารต้านอนุมูลอิสระ


1. สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
ได้รับการขนานนามว่าเป็นสารซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์มานาน เนื่องจากคุณสมบัติเด่นในด้านการกำจัดอนุมูลอิสระที่สูงกว่าสารแอนตี้ออกซิแดนท์อื่นๆ โดยสูงกว่าวิตามินซี 20 เท่า และวิตามินอี 50 เท่า ทั้งยังคงอยู่ในกระแสเลือดนานได้ถึง 72 ชม. สามารถป้องกันและลดการทำลายล้างจากสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกายเราตลอดเวลาทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน อันเป็นสาเหตุของความเสื่อมและอ่อนแอของร่างกายโดยรวม โดยเฉพาะระบบหลอดเลือด หัวใจ ผิวหนัง และตา เมื่อรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่นเป็นประจำจะทำให้ได้รับสาร OPCs เข้าไปยับยั้งการเสื่อมสลายของคลอลาเจนใต้ผิวหนัง จึงช่วยชะลอการเสื่อมของผิวพรรณไม่ให้แก่ก่อนวัยอย่างตรงจุด
2. ชาเขียว
ในชาเขียวประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์ ที่ทรงพลังหลายชนิด โดยเฉพาะสาร EGCG ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง โดยมีฤทธิ์มากกว่าวิตามินอีถึง 20 เท่า มีผลการวิจัยพบว่าชาเขียวสามารถลดอัตราการเป็นมะเร็งของอวัยวะต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะมะเร็งปอด,มะเร็งลำไส้,มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเป็นพิษจากบุหรี่ เช่น นิโคติน และน้ำมันทาร์ เป็นต้น
3. สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ได้ดีอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งนอกจากประโยชน์ในการแก้ปัญหาเรื่องฝ้าด้วยการควบคุมการทำงานของกระบวนการสร้างเม็ดสีในร่างกายให้อยู่ในสภาวะที่สมดุล ไม่ผลิตเม็ดสีออกมาผิดปกติจนเป็นฝ้า,กระ แล้ว ยังมีประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพร่างกายโดยรวมอีกด้วย
4. โคเอ็นไซน์คิวเท็น
มีหน้าที่หลักในกระบวนการสร้างพลังงานในระดับเซลล์ เพื่อให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างปกติ หากร่างกายขาดโคเอ็นไซม์คิวเท็นถึง 75% ก็อาจเสียชีวิตสได้ ทั้งนี้เซลล์ที่ต้องการพลังงานสูงและมีความต้องการโคเอ็มไซม์คิวเท็นมากเป็นพิเศษ ได้แก่ เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์สมอง เพื่อให้เกิดความตื่นตัว เพิ่มทักษะในการจดจำและการผ่อนคลายจากความตึงเครียด ส่วนเซลล์ผิวหนังต้องการโคเอ็นไซม์คิวเท็นเพื่อช่วยฟื้นฟูความสดใส
5. แนทเชอรัลเบต้าคาโรทีน
เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ นอกจากประโยชน์ในการบำรุงสายตาและผิวพรรณแล้ว เบต้าแคโรทีนยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งที่ปอดจากการสูบบุหรี่จัด ลดการก่อเซลล์มะเร็งที่ผิวหนัง และทำให้ผิวหนังสามารถต้านทานต่อแสงแดดได้นานยิ่งขึ้น เบต้าแคโรทีนจากธรรมชาติที่สกัดได้จากสาหร่าย D.Salina จะเป็นแหล่งของเบต้าแคโรทีนที่เข้มข้น และปลอดภัยกว่าชนิดทั่วไปที่เป็นเคมีสังเคาระห์
6. ลูติน
เป็นสารธรรมชาติพบได้มากในพืชผักที่มีสีเขียวเข้ม เช่นผักกาดเขียว ใบหยิก ผักปวยเล้ง ในชีวิตประจำวันนอกจากจะต้องเผชิญกับรังสียูวีในแสงแดดที่กระทบต่อดวงตาโดยตรงแล้ว ยังต้องเจอกับแสงจ้าจากเครื่องคอมพิวเตอร์และทีวีวันละหลายชั่วโมง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์ในตาอ่อนแอหรือเสื่อมสภาพและตาบอดได้ ซึ่งการรับประทานลูตินจะเป็นสารอาหารที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของจุดรับภาพและจอประสาทตาได้ดี เพราะมีส่วนรวมในการทำงานของเอมไซม์ต่างๆ ที่สำคัญ
7. กรดอัลฟ่าไลโปอิค
สารใช้ต้านอนุมูลอิสระธรรมชาตินี้ทำหน้าที่สำคัญๆ หลายอย่างในร่างกาย การใช้เป็นอาหารเสริมจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยปรับปรุงกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงาน จึงช่วยป้องกันและบรรเทาโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานได้ดี
8. สารสกัดจากใบแปะก๊วย
ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดจากใบแปะก๊วยเป็นผลมาจากสารในกลุ่มฟลาโวนไกลโคไซด์ ที่มีอยู่กว่า 20 ชนิดในใบแปะก๊วซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้ทั้งนี้นอกจากคุณสมบัติอันโดดเด่นในการป้องกันความเสื่อมของเซลล์สมองและช่วยบำรุงสมองอย่างมีประสิทธิภาพจนเป็นที่ยอมรับทั่วโลกแล้วนั้น คุณสมบัติในการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สมองยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันได้อย่างตรงจุดเช่นกัน
9. วิตามินซี
นอกจากประโยชน์ในการเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยป้องกันโรคหวัด และบรรเทาอาการภูมิแพ้แล้ว วิตามินซียังช่วยสร้างเนื้อเยื่อคลอลาเจนเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวพรรณ คลายความเครียด ความอ่อนเพลีย แก้สภาวะการเป็นหมันในผู้ชาย โดยช่วยเพิ่มความแข็งแรง และปริมาณของตัวอสุจิอีกด้วย
10. วิตามินอี
ช่วยในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ ป้องกันโรคหัวใจและการอุดตันของเส้นเลือดในหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ การรับประทานวิตามินอีในระยะยาวยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และลดอัตราการตายของผู้ชายที่สูบบุหรี่จัด